น้ำมันมะรุม

moringaoil

น้ำมันมะรุม รู้จักกันในชื่อ Ben oil ไม่เป็นไขและไม่ระเหย ซึ่งมีสรรพคุณในการดับกลิ่น ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องจักร ใช้ทำน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ในประเทศตะวันตกนิยมนำมะรุมผงมาใช้เป็นน้ำสลัดได้อย่างดีอีกด้วย น้ำมันมะรุมไม่มีกลิ่น สามารถใช้แทนน้ำมันพืชได้เพราะมีส่วนประกอบของกรด Oleic (กรดไขมันไม่อิ่มตัว โมเลกุลเดี่ยว) เหมาะที่จะใช้เจียวและทอด น้ำมันมะรุมที่ได้จะมีสีเหลือง, สะอาด, มีรสหวาน, ไม่มีกลิ่น และไม่บูด

  • น้ำมันมะรุม เป็นน้ำมันธรรมชาติชนิดคงรูปซึ่งอุดมไปด้วยกรดที่มีประโยชน์ ประกอบด้วยสารแอนตี้อ็อคซิไดซ์ในปริมานที่สูง มีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูงด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่ิอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ถึง 70เปอร์เซน จึงมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมันมะกอก จึงเป็นน้ำมันคุณภาพดีสำหรับใช้ประกอบอาหาร ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจนแกจากนั้นยังมีกรดต่างๆที่มีประโยชน์ในปริมาณมาก ยิ่งกว่านั้นเมล็ดมะรุมยังสามารถทานสดหรืิอนำไปคั่ว ,บดเป็นผง,นำไปผสมน้ำชา,หรือใส่ในแกงก็ได้

คุณสมบัติ ทางกายภาพและทางเคมีและองค์ประกอบกรดไขมันของน้ำมันเมล็ดมะรุม

  • ข้อมูลจาก Thionville Laboratories, lnc. New Orleans, USA (March 1994) Values in parantheses (Vecker and Siddhuraju, unpublished)

คุณสมบัติของน้ำมันมะรุม

  • มีรายงานว่ามีการนำเมล็ดมะรุมมาใช้ใน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยงามตั้ง 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งนำมาใช้ลดริ้วรอยโดยการใช้ยางสน,น้ำมันมะรุมสด และหญ้าไซปรัส ซึ่งนำส่วนผสมทั้งหมดหมักรวมกัน และนำมาใช้ทุกวันเป็นประจำ

  • น้ำมันมะรุมนี้เหมาะต่อการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเสริมสวย ทำเครื่องสำอาง ใช้ในการบำรุงผิว บำรุงผม นอกจากนั้นยังมีสารฆ่าเชื้อและสมานแผล มีสรรพคุณในการแก้ผื่นคัน แมลงกัดต่อย และแผลถลอกนอกจากนั้นยังมีไวตามิน เอ และ ซี ที่มีประโยขน์ในด้านเสริมสวย ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปปรุงอาหารเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก และมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ดูรายละเอียดคุณสมบัติด้านล่างนี้

  1. ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยของผิว

  2. ช่วยบรรเทาการเกิดสิวบนใบหน้า

  3. ช่วยลดรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย

  4. ช่วยรักษาโรคเชื้อราตามผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า ื้อราตามซอกเล็บ และผิวแห้งเพราะเชื้อรา

  5. ช่วยรักษาแผลสด เนื่องจากเมล็ดมะรุมนั้นประกอบไปด้วยสารฆ่าเชื้อโรค และช่วยลดการอักเสบของบาดแผลจากมีดบาด แผลฟกช้ำ แผลไฟไหม้ แมลงกัดต่อย ผดผื่นและรอยถลอกอย่างรวดเร็ว

การใช้งานด้านเวชสำอาง

  • ครีมลบริ้วรอย

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

  • สบู่ก้อนและสบู่เหลว

  • น้ำมันหอมระเหย

  • น้ำมันนวด

  • ครีมบำรุงผิวหน้า

  • น้ำหอมและที่ดับกลิ่นกาย

คุณสมบัติด้านเวชสำอาง

  • น้ำมันมะรุมเป็นส่วนประกอบสำคัญในครีม โลชัน น้ำมันหอม ครีมขัดตัว/หน้า ออยทาผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในสัดส่วน 3-100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีสารอาการที่จำเป็นต่อผิวและเส้นผม

  • ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม น้ำมันมะรุมจะมีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำมันมะกอกที่ช่วยลดผมแห้งเสีย ชี้ฟู และยังช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะอีกด้วย โดยการชโลมน้ำมันมะรุมลงบนหนังศีรษะในขณะที่ผมเปียกแล้วนวดให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยทำให้หนังศีรษะสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้น

ผลิตภัณฑ์เกี่ยงกับผิว

  • ส่วนผสมของเมล็ดมะรุมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด จะช่วยให้เกิดฟองครีมมากและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ไม่เหมือนกับน้ำมันจากพืชชนิดอื่น

  1. ช่วยขจัดสิวและป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

  2. ช่วยลดริ้วรอยและป้องกันผิวหน้าหย่อนยาน น้ำมันมะรุมมีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยเป็นพิเศษ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆ ที่มีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของต่อมบนชั้นผิว ต่อมบนชั้นผิวนี้เป็นตัวที่สร้างความเสียหายต่อชั้นผิวและทำให้เกิดริ้วรอย

  3. ช่วยลดรอยแผลเป็นและจุดด่างดำจากสิว

  4. ช่วยให้หน้ากระจ่างใส

  5. ช่วยกระชับรูขุมขน

  6. ช่วยให้ผิวสะอาดบริสุทธิ์, สร้างสมดุลของน้ำมัน และลดความอ่อนล้าของผิว ถ้าใช้เป็นประจำจะช่วยลดการเกิดสิวหัวดำในทุกสภาพผิว และลดผลหระทบจากมลภาวะ

ช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น

  • สำหรับผิวนั้นน้ำมันมะรุมจะช่วยให้ผิวนุ่มนวลเหมาะกับการใช้นวดตัว เพราะอุดมไปด้วยกรด Palmitoleic, กรด Oleic และกรด Linoleic, วิตามินเอและซี, และกรดไขมันไม่อิ่มตัว ผสมเข้ากันได้ง่ายกับ Essential oils ไม่เกิดการระเหยและกระจายบนผิวได้ง่าย

  • น้ำมันมะรุมช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอและซี กรดไขมันไม่อิ่มตัว มีสารฆ่าเชื้อโรคและลดการอักเสบ และยังช่วยรักษาผิวสีแทนให้คงทน เนื่องจากอุดมไปด้วยทองแดงและแคลเซียม ซึ่งมีสารอาหารสำคัญสำหรับผิว

ประโยชน์ของน้ำมันมะรุม นวดสำหรับเด็ก

  1. ช่วยกล่อมและบรรเทาความเจ็บปวดด้วยสัมผัสจากการนวด

  2. ช่วยลดและป้องกันการบาดเจ็บจากอาการโคลิก

  3. ช่วยปรับการเคลื่อนไหวของร่างกายเด็ก

  4. ช่วยผ่อนคลายหลังอาบน้ำและก่อนเข้านอน

  5. ช่วยพัฒนาระบบประสาท

  • น้ำมันมะรุมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวสูง และมีส่วนผสมคล้ายกับน้ำมันมะกอกแต่บางเบากว่ามาก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม

  • ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำหอม ส่วนการผลิตน้ำหอมนั้นได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของน้ำมันมะรุม ทำให้น้ำหอมซึมซับได้ดีและมีกลิ่นติดทนนาน

ข้อควรระวังสำหรับการทานมะรุมกับโรค G6PD

  • Dehydrogenase เป็นเอ็นไซน์หนึ่งที่อยู่ในเซลล์ ซึ่งเป็นส่วนำคัญในขบวนการ การใช้พลังงาน ปละสร้างสารต่างๆ ในเซลล์

  • โรคขาดเอ็นไซม์ G-6-PD หรือภาวะพร่องเอนไซน์ จีซิกพีดี หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคแพ้ถั่วปากอ้า (Favism) เป็นโรคทางพันธุกรรม มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มีผลกระทบต่อเพศชายมากกว่าเพศหญิง

  • การวินิจฉัยโรค ใช้การตรวจสอบทางพันธุกรรม ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ได้รับ oxidizing agents เช่นยาบางชนิดหรือการติดเชื้อในร่างกาย จะทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถทนทานได้ และกินเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน เกิดซีดเฉียบพลัน ปัสสาวะดำหรือสีเข้มจากสีของฮีโมโกลบิน และอาจเกิดไตวายได้

  • สารหรือยาที่ทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกได้บ่อยได้แก่ ยารักษามาเลเรียบางชนิด, ยาซัลฟา, ยาปฏิชีวนะบางชนิดและถั่วปากอ้า เป็นต้น นอกจากนี้การติดเชื้อต่างๆ เช่นเป็นไข้หวัด หลอดลมอักเสบก็ทำให้เกิดเม็ดเลือดแดงแตกได้ จึงจำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ พยาบาลทราบ และรักษา รวมทั้งเสี่ยงยาที่อาจทำให้เกิดอาการได้

  • อาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับยาเหล่านี้ ผู้ป่วยจะซีดลงทันทีเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกในหลอดเลือด จะสังเกตเห็นปัสสาวะเป็นสีดำหรือสีโคล่า เนื่องจากฮีโมโกลบินในใดเลือดแดงถูกกรองออกมากับไต ซึ่งจำเป็นต้องนำส่ง โรงพยาบาล เพื่อให้การรักษาแบบประคับประคองทันที

  • อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อเม็ดเลือดแดงแตกเฉียบพลัน (Hemolytic crisis) เช่นนี้คือ ภาวะไตวาย เนื่องจากไตขาดเลือดเฉียบพลัน เพราะขาดเม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนมาหล่อเลี้ยง (เม็ดเลือดแดงแตกหมด) และยังได้รับฮีโมโกลบินปริมาณมาก ซึ่งเป็นพิษต่อไตโดยตรง

  • การรักษา เป็นการรักษาตามอาการแบบประคับประคอง เช่น การให้เลือด, การให้น้ำในประมาณที่เพียงพอป้องกันไตวาย ส่วนการแตกของเม็ดเลือดจะหยุดได้เอง โรคนี้ไม่มีการรักษาที่หายขาดในขณะนี้

  • อาหารต้องห้าม หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่อาจทำให้เกิดอาการ นอกจากยาแล้ว อาหารที่รับประทานก็พบว่ามีผลต่อเม็ดเลือดของผู้ป่วยเช่นกัน นั่นคือถั่วปากอ้า (Fava bean) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถั่วนั้นยังดิบอยู่ และลูกเหม็น (naphthalene) และมะรุม ไม่ควรรับประทานใบและเมล็ดมะรุม เพราะมีสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในถั่วปากอ้า